ความกล้าหาญที่น่ายกย่องของ แลมพ์

ความกล้าหาญที่น่ายกย่องของ แลมพ์

แม้ว่าจะโดนปลดออกไป แต่เชื่อเหอะว่า แฟนบอลเชลซี แม้จะมีหลายคนด่าเรื่องผลการแข่งขันช่วงหลังที่ไม่เป็นใจเท่าไร แต่ไม่มีใครโกรธแฟรงค์ แลมพาร์ดได้ลงหรอก เอาเข้าจริงกลับต้องยกย่องด้วยซ้ำ เค้านี่แหละเป็นผู้กล้าหาญ และเป็นผู้กอบกู้ทีมในเวลาที่ยากลำบาก อะไรเป็นความกล้าหาญที่เราพูดถึง

เข้ามาตอนที่โดนแบนซื้อขาย

การเข้ามาคุมทีมของผู้จัดการทีม เอาจริงสิ่งที่พวกเค้าจะต้องถามก่อนเรื่องเงินเดือน ก็คงจะเป็นเรื่องงบประมาณในการเสริมทีมว่า ทีมได้เตรียมเงินไว้แค่ไหน เพราะมันจะสัมพันธ์กับตัวนักเตะที่เค้าอยากได้ด้วย หากมีเงินซื้อนักเตะ เค้าก็พร้อมเข้าไปทำงาน แต่ว่า แลมพ์ เข้าไปทำงานที่เชลซี ในสภาพที่มีเงินแต่ซื้อไม่ได้ เพราะว่าทีมโดนแบบซื้อขายไป 2 รอบ นั่นเท่ากับว่าเค้าจะต้องใช้นักเตะที่มีบวกกับ นักเตะดาวรุ่งเท่านั้น ซึ่งมันยากมากในการเริ่มต้นคุมทีมใหม่กับสถานการณ์อย่างนี้

ทำทีมแบบนักเตะไม่ครบทีม

ทีนี้มองไปที่นักเตะชุดใหญ่ ของทีมเค้าก็ได้ทีมที่ไม่สมประกอบเลย สำคัญสุดคงเป็นเรื่องสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง เอแดง อาซาร์ เพิ่งจะถูกขายให้กับรีล มาดริดไป นั่นเท่ากับว่า เค้าะต้องทำทีมแบบสร้างศูนย์กลางของทีมขึ้นมาใหม่เลย ไหนจะรวมกับสถานการณ์ที่บอกไปย่อหน้าแรก เจอโจทย์แบบนี้เข้าไป คงไม่มีใครอยากมาทำทีม เพราะผลงานทีมคงไปได้ไม่ไกลจนตัวเองเสียเครดิต แต่แฟรงค์ กล้า

ต่อสู้กับการเมืองภายใน

ยังไม่หมด การทำทีมของแลมพ์ แน่นอนว่าผู้จัดการทีมทุกคนในโลกใบนี้ต้องเจอกับ การเมืองที่มาจากบอร์ดบริหารของทีม จนส่งผลต่อการทำงานของเค้า ซึ่งแลมพ์เองก็เจอ แถมเจอตั้งแต่ยกแรกด้วยซ้ำ มีข่าวลือว่า ในสถานการณ์หลังปลด ซาร์รี่ออกไป เชลซี ติดต่อผู้จัดการทีมไปหลายคน แต่ไม่มีใครอยากมา เหลือแต่แลมพ์ที่ไม่ปฏิเสธ (แต่บอร์ดไม่อยากได้ แต่ก็ต้องเอาเพราะว่าไม่มีตัวเลือกอื่น) นั่นทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ถูกบอร์ดตั้งอคติไว้แต่แรก รวมถึงเป็นเพียงแค่คนรอ ก่อนจะไปหาคนที่ดีกว่าเท่านั้น แลมพ์ เองก็รู้สถานะตัวเองดี แต่ก็กล้าลงมาทำทีม แล้วแบบนี้เราจะไม่ชื่นชมความกล้าของเค้าได้อย่างไร

เจาะประเด็นสำคัญ โปรเจค ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีค

เจาะประเด็นสำคัญ โปรเจค ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีค

หลังจากโปรเจค big picture ล่มลงไปแบบไม่เป็นท่า แต่ว่าลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ได้ล้มเลิกในการสร้างโปรเจคอะไรใหม่ๆออกมา ล่าสุด ได้ข่าวว่า กำลังจับมือกันดำเนินการเข็นโครงการใหม่ที่ชื่อว่า ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีค ขึ้นมาอีกครั้ง โปรเจคนี้มีประเด็นอะไรสำคัญบ้างตามข่าวที่หลุดออกมา

การรวมตัวของ ทีมใหญ่ในยุโรป

โปรเจคนี้ คอนเซปต์ของงานนี้ก็คือ การรวมตัวของเหล่าบิ๊กทีมของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นจากพรีเมียร์ลีค อังกฤษ, ลาลีก้า สเปน, อิตาลี, เยอรมัน , ฝรั่งเศส และทีมอื่นทั่วยุโรป มาโม่แข้งกันเอง แบบไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่าง ยูฟ่า (สหพันธ์ลูกหนังยุโรป) โดยเป็นการแข่งขันกันเอง น่าแปลกอีกอย่างที่โปรเจคนี้ ฟีฟ่า จะเข้ามามีเอี่ยวด้วย

จัดแข่งกับ UCL

คำถามก็คือ หากมีโปรเจคนี้ขึ้นมา แล้วการแข่งขัน UCL กับ ยูโรป้า ลีคจะเป็นอย่างไร เรามองว่าน่าจะเป็นการจัดแข่งชนกันเลย เพื่อให้สโมสรมีรายการแข่งขันเพิ่มขึ้นมา เหมือนกับว่า สโมสรจะต้องส่งทีมเตะสองรายการพร้อมกัน แล้วแต่ว่าทีมจะส่งนักเตะคนไหนไปเล่นรายการไหน แค่คิดมันก็ดูแปลกแล้ว คิดดูว่า เชลซีเตะกับบาร์ซาในUCL พร้อมกับ เตะกับ อินเตอร์ มิลาน ใน ยูโรเปี้ยน พรีเมียร์ลีค แล้วคนดูจะทำยังไง

รูปแบบการแข่งขัน

สำหรับรูปแบบการแข่งขันที่เผยออกมาตามข่าวบอกว่าจะเป็นการแข่งขันแบบลีคเพื่อเก็บแต้ม จากนั้นก็คัดทีมอันดับที่ดีกลุ่มบน เอาไปตัดสินในรอบเพลย์ออฟอีกที (วิธีคิดแบบการแข่งขันอเมริกันเกมส์) โดยจุดเด่นของรูปแบบการแข่งขันนี้ก็คือ เงินรางวัลที่คาดว่าจะเป็นหลักหลายร้อยล้านปอนด์ทีเดียวสำหรับผู้ชนะ และไม่น้อยสำหรับผู้ที่ได้อันดับรองลงไป

หลังจากอ่านข่าวดู ก็ต้องบอกว่าเป็นโปรเจคที่ฟังดูแปลก และบ้ามากๆ แต่เอาเข้าจริงแนวคิดการดึงทีมใหญ่ไปเตะกันเองเพื่อหาเงินเข้าสโมสรมีมานานมากแล้ว แต่ทาง ยูฟ่า ได้ระงับตลอดแล้วเพิ่มจำนวนทีมในการแข่ง UCL แทนเพื่อให้โควตาทีมใหญ่จากลีคใหญ่มากขึ้น ไม่รู้งานนี้ยูฟ่าจะจัดการอย่างไร

ภาพรวมประจำซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ภาพรวมประจำซีซั่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ถือว่าเป็นภาพความสำเร็จที่เห็นจนชินตาไปเสียแล้วสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ซีซั่นนี้พวกเค้าก็พุ่งเข้าชนความสำเร็จอีกครั้ง ไม่ใช่หนึ่งแต่สองครั้งเลยในซีซั่นนี้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีค และ แชมป์คาราบาวคัพ การได้ดับเบิ้ลแชมป์อย่างนี้ ถือว่าเป็นอีกครั้งที่เราเห็นความสุดยอดของทีมทั้งนักเตะ และผู้จัดการทีมที่ชื่อว่า เป๊ป กวาดิโอลาร์ เรามาย้อนดูภาพรวมประจำซีซั่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้กันว่าเป็นอย่างไร

เริ่มต้นไม่ดี แต่ติดเครื่องแล้วจบ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าได้รับผลพวงจากการเข้าถึงรอบลึกของศึกฟุตบอล UCL ในซีซั่นที่แล้ว ทำให้การปิดซีซั่นที่สั้นกว่าเค้า ส่งผลโดยตรงต่อความฟิตที่นักเตะหลายคนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานตอนต้นซีซั่น เหมือนความฟิตไม่ถึงและดูเหนื่อยล้าสะสมมากกว่าด้วย ทำให้ตอนนั้นสภาพทีมโดยทีมอื่นที่ฟิตมากกว่าบดเอา จนหลายคนมองว่า ซิตี้ น่าจะลำบากแล้วซีซั่นนี้ แต่พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง นักเตะเริ่มที่จะฟิตมากขึ้นตามลำดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ชนะรวดแบบไม่สนใครเลย สุดท้ายพอเค้ากลับมาอยู่ตำแหน่งจ่าฝูง ก็ไม่ได้หล่นลงมาอีกเลย เรียกว่าติดเครื่องแล้วนำม้วนเดียวจบเลย นี่ยังไม่นับเรื่องการคั่วแชมป์ถึง 4 รายการตั้งแต่ต้นจนถึงโค้งสุดท้ายของซีซั่นเลยด้วย เชื่อว่าซีซั่นหน้า พวกเค้าคงตั้งเป้าที่กวาดสี่แชมป์เหมือนเดิมแน่นอน

ระบบไร้กองหน้า

อีกหนึ่งจุดที่ต้องบอกว่าถ้าไม่ใช่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงทำไม่ได้แน่นอน นั่นก็คือระบบไร้กองหน้า ส่วนหนึ่งมันเกิดจากสถานการณ์บังคับที่กองหน้าของเค้าอย่าง เฆซุส เจ็บมั้ง ฟอร์มตกมั้ง กุนเองก็อยู่ในสภาพที่เล่นทุกนัดไม่ไหว เป๊ป เลยเลือกที่จะใช้ระบบไร้กองหน้าแทน ที่สำคัญระบบนี้แม้จะไม่ได้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยิงระเบิดเท่ากับซีซั่นก่อน แต่ว่ามันก็พอยิงให้ทีมชนะได้ แล้วเอาเกมรับเหนียวๆแทน ซึ่งระบบนี้ได้ทำให้กองหน้ากึ่งปีกอย่าง อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ริ่ง, ฟิล โฟเด้น,แบร์นาโด ซิลวา แจ้งเกิดแบบเต็มตัว แต่คิดว่าระบบนี้ซีซั่นหน้า เค้าคงใช้น้อยลงแล้วเลือกหาซื้อกองหน้าตัวเป้าเข้ามาสู่ทีมจะตอบโจทย์มากกว่า

ทำไม ดัน ราฮีม ขึ้นหน้าไม่ดีเท่าที่คิด

ทำไม ดัน ราฮีม ขึ้นหน้าไม่ดีเท่าที่คิด

ความน่าสงสารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในซีซั่นนี้ก็คือ พวกเค้าอุตสาห์มีกองหน้าที่ดี เกมรุกไว้ใจได้ เกมแดนกลางโหดแบบที่สุดของลีค จนทำให้ทีมไปซื้อแต่กองหลังมาเสริมให้ดี บวกกับกองหน้าดาวรุ่งมาเป็นอะไหล่ แต่เหมือนตลกร้ายที่ซีซั่นนี้ทีมกำลังมีปัญหาในเกมรุกอย่างมาก การแก้ปัญหาเดียวที่มีเป็นการดัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ขึ้นมาเป็นกองหน้าจำเป็นถามว่าดีไหม โอเคมันดีแหละในทรัพยากรที่มี แต่ว่าปังไหม บอกเลยว่าไม่ เพราะอะไร

ร่างกายเล็ก

การเล่นเกมฟุตบอลจริงอยู่ว่า รูปร่างอาจจะไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมด แต่การเข้าปะทะตลอดเวลาของฟุตบอลพรีเมียร์ลีค ร่างกายมันก็พอจะตอบโจทย์ได้อยู่บ้าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ต้องยอมรับว่าหุ่นของเจ้าตัวนั้นบางมาก แม้จะขุนให้หนาขึ้นมาแล้วก็ตามที แต่ในตำแหน่งกองหน้าที่ต้องชนกับกองหลังเกือบทั้งเกม หุ่นแบบนี้เจอกับกองหลังถือว่างานยากเลย นี่ยังไม่นับตัวเตี้ยอีกต่างหาก ทำให้การจะยืนกระโดด หรือ วิ่งเทคตัวโหม่งเพื่อชิงจังหวะเล่นบอลก่อนเป็นไปได้ยาก ไม่ต้องพูดถึงการเล่นลูกเซตพีชเลย โดนประกบสองกระโดดยังไงก็เล่นไม่ได้

ถนัดเล่นปีก

นักเตะระดับอาชีพ เอาจริงพวกเค้าเล่นมาหมดทุกตำแหน่งของสนามแล้ว พวกเค้ามีความรู้ว่าในแต่ละตำแหน่งต้องเล่นกันอย่างไร แต่จะถนัดไหมนั่นอีกเรื่อง แม้จะมีนักเตะหลายคนที่โดนเปลี่ยนตำแหน่งแล้วเล่นดีแต่ไม่ใช่กับ ราฮีม แน่นอนการเปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นกองหน้ามันไม่ใช่ธรรมชาติของนักเตะคนนี้เลย ราฮีม เป็นนักเตะที่ต้องเล่นปีกเท่านั้นถึงจะดี เค้าต้องการพื้นที่เพื่อเลี้ยงหลบ กระชาก ลากเลื้อย ไม่ใช่ยืนรอบอลแล้วพลิกเล่นแบบนี้

ขาดตัวจ่าย

ในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีตัวจ่ายบอลระดับเทพมากมาย อย่าง เควิน เดอ บรอยด์ นั่นก็ใช่ แต่ว่าเควิน อาจจะคุ้นเคยการจ่ายบอลด้วยน้ำหนัก ทิศทาง ไลน์การวิ่ง จากกองหน้าตัวเดิมอย่าง กุน หรือ เฆซุส มากกว่า พอมาเป็น ราฮีม อาจจะยังไม่เข้าใจทิศทางการวิ่งเท่าไร อาจจะต้องปรับจูนกันอีก เราจะเห็นว่าหลายครั้งแทงไปสวยๆเสียของเพราะไม่รู้กัน คงต้องรออีกหน่อยถึงจะดี (มั้ง)

สรุปฟอร์มเด็กผี ในนามทีมชาติอังกฤษ ยูโร2020

สรุปฟอร์มเด็กผี ในนามทีมชาติอังกฤษ ยูโร2020

ทีมชาติอังกฤษ กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากจะว่ากันตามตรง ก็เหมือนของคู่กันนั่นแหละ ทีมชาติอังกฤษไม่ว่าจะลุยทัวร์นาเมนต์ไหนต่างก็จะต้องมีนักเตะยูไนเต็ดอยู่ด้วยเสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดทีมไปด้วยสี่ราย ก่อนที่ น้องดีน เฮนเดอร์สัน จะถอนตัวออกมาจากอาการบาดเจ็บ ทำให้เหลือเพียงแค่สามคน เรามาเช็คฟอร์มกันหน่อยว่า ใครเป็นอย่างไรบ้าง

ลุค ชอว์

คนแรกที่ต้องบอกว่า เค้าก้าวขึ้นมาเป็นแบ็คเบอร์หนึ่งของอังกฤษ แบบไร้ข้อโต้แย้ง ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเค้าตั้งแต่ตอนอยู่ในสโมสร ติดตัวมาเล่นทีมชาติด้วย การประสานงานของเค้ากับปีก ทำให้เกมรุกของอังกฤษโหดมากในทัวร์นี้ แถมเจ้าตัวยังสามารถทำประตูในเกมรอบชิงชนะเลิศได้อีกด้วย (ประตูนี้กลายเป็นประตูที่เร็วสุดของรอบชิงชนะเลิศยูโรอีกต่างหาก) น่าเสียดายเพียงแค่อย่างเดียวคือการไม่ได้แชมป์นี่แหละ

แฮร์รี่ แมกไกว์ร

หลังจากต้องลุ้นดูอาการจนนาทีสุดท้าย กัปตันแฮร์รี่ ก็ติดทีมนี้ไปด้วย แม้ว่าจะบาดเจ็บที่ค้างอยู่ทำให้ไม่สามารถลงสนามได้ แต่พอเจ้าตัวกลับมาฟิตสมบูรณ์ ก็กลายเป็นกำแพงเหล็กช่วยให้อังกฤษแข็งแกร่ง ด้านเกมรับแบบสุดๆเลย ผลงานการไม่เสียประตูจากการเล่นโอเพ่นเพลย์ ตลอดทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเครื่องยืนยัน แถมยังยิงจุดโทษเข้าด้วยในเกมรอบชิงชนะเลิศ แฟนผีเห็นแล้วอดคิดย้อนกลับไปในรอบชิงยูโรป้าลีคไม่ได้จริง ว่าหากมีเค้าอยู่ เราคงไม่วืดแชมป์

มาร์คัส แรชฟอร์ด

ถือว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ต้องใช้คำว่า โดนทัวร์ลง อย่างแท้จริงสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด อย่างแรกเลยเจ้าตัวไม่ค่อยได้ลงสนามเท่าไร เนื่องจากเสียตำแหน่งให้กับ แฮร์รี่ เคน และ ราฮีม สเตอร์ริ่งที่ทำผลงานได้ดีกว่าจริง พอจะได้ลงสนามก็กลายเป็นช็อตกดดันไปอีก เลยทำให้เหมือนเกร็งจนเสียความมั่นใจไปหมด ส่วนผลงานในรอบชิงชนะเลิศ การถูกเปลี่ยนไปในช่วงห้านาทีสุดท้ายแล้วไปเล่นแบ็คจำเป็นแทน ไคล์น วอล์คเกอร์ ที่เล่นแล้วเหวอจนเกือบจะโดน อันนี้พอเข้าใจได้ เรื่องการยิงจุดโทษพลาดอันนี้ก็ว่ากันไม่ได้หรอก เจ้าตัววอร์มยังไม่ถึงห้านาที ยิงไม่เข้าก็ไม่แปลก แต่หากเจ้าตัวหวังจะติดทีมไปเล่นในทัวร์ต่อไป คงต้องโชว์ฟอร์มดีกว่านี้

บัลลงดอร์จาก Four Four Two ใครได้เท่าไร

บัลลงดอร์จาก Four Four Two ใครได้เท่าไร

ในปีที่แล้ว พิษของโควิท 19 ได้ทำให้โลกฟุตบอลหยุดชะงัก จนไม่เหมือนเดิมได้เลยจนถึงตอนนี้ แม้จะกลับมาได้แต่ก็ไม่ 100% ทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เห็นได้ชัดเลยก็คือ การจัดงานมอบรางวัลนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของปีนั้นอย่าง บัลลงดอร์ ก็เลิกจัดไปด้วยอย่างน่าเสียดายมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทำให้นิตยสารอีกเจ้าหนึ่งจัดโหวตรางวัลบัลลงดอร์ขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ มาดูว่าใครได้เท่าไรกันบ้าง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

อันดับที่ 1 ต้องใช้คำว่า นอนมาแบบเสียงเป็นเอกฉันท์เลยสำหรับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงไฟพะเนียงจาก บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้คะแนนจากการโหวตมากถึง 561 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสองอยู่เยอะเลย ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าผลงานการถล่มประตูของเค้าทำได้ต่อเนื่องจากซีซั่นที่แล้วมาจนถึงซีซั่นนี้แบบทุกคนต้องยกนิ้วยอมรับ

เควิน เดอ บรอยน์

เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่ทำผลงานของตัวเองในซีซั่นที่แล้วได้อย่างดีเยี่ยม เกือบจะทำลายสถิติแอสซิสต์สูงสุดต่อฤดูกาลของพรีเมียร์ลีคแล้ว แต่เพื่อนกลับทำไม่ได้กันไปเอง มาซีซั่นนี้เค้ายังคงมาตรฐานในการไปกับบอล การสร้างสรรค์เกม และการจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสเหมือนเดิม ได้รับคะแนนไป 120 คะแนน

ซาดิโอ มาเน่

ซีซั่นก่อน นักเตะหลายคนกลายเป็นคีย์หลักที่ส่งให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีคในรอบหลายสิบปีที่รอคอย หากเป็นคีย์แมนเกมรุก ก็ต้อง มาเน่ แหละคนหนึ่ง มาถึงซีซั่นนี้อาจจะไม่เปรี้ยงเท่าซีซั่นก่อน แต่ก็ยังมีความอันตรายอยู่เหมือนดิม รับไป 113 คะแนน

ลิโอเนล เมสซี่

หากพูดถึงรางวัล บัลลงดอร์ ลิโอเนล เมสซี่ คือชายที่อยู่คู่รางวัลนี้มาเยอะมากในช่วง 10 ปีหลังสุด อย่างไรก็ตามด้วยเรื่องวุ่นๆในทีม และการเปลี่ยนแปลงทำให้การเล่นของ เมสซี่ ไม่ได้สุดยอดเหมือนเดิมเท่าที่คิดเอาไว้ แม้จะแบกทีมจนหลังแอ่นเหมือนเดิมก็เหอะ รับไป 101 คะแนน

ที่เหลือก็จะเป็น โรนัลโด้, นอยเออร์, ฟานไดค์ และคนอื่นๆตามลำดับ

กองกลาง รอเซ็นฟรีที่หลายคนรอดู

กองกลาง รอเซ็นฟรีที่หลายคนรอดู

นักเตะตำแหน่งกองกลางเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่แม้ร่างกายจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า แต่หากพวกเค้าอาศัยลูกเก๋าประสบการณ์ ก็ยังพอเอาตัวรอดในแต่ละเกมไปได้ ตอนนี้ขึ้นปฏิทินปีใหม่แล้วมีนักเตะกองกลางหลายคนที่ผลงานยังดีอยู่ แถมสัญญาจะหมดหน้าร้อนนี้แล้ว นั่นหมายความว่าตอนนี้พวกเค้าอาจจะเซ็นล่วงหน้าได้เลย มาดูว่ามีใครน่าสนใจกันบ้าง

ลูกา โมดริช
คนแรกไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้สัญญาของเค้ากำลังใกล้จะหมดแต่ต้นสังกัดยังเงียบเรื่องอนาคตของเค้าอยู่เลย นั่นก็คือ ลูกา โมดริช หนึ่งในคีย์แมนสำคัญพา รีล มาดริด เถลิงแชมป์ UCL สามสมัยซ้อน ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าตัวยังเคยได้รับรางวัลบัลลงดอร์ของปี 2018 ด้วย ดีกรีขนาดนี้แต่ก็ไม่สามารถฝืนสังขารได้ โรยราลงไปเยอะบวกกับ ซีดาน กลับมารอบนี้ เลือกใช้เด็กๆมากกว่าทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าไร แต่ถ้าใครยังต้องการก็น่าจะติดต่อด่วน

ดาบิด ซิลบา
หากจะถามว่ามีนักเตะคนไหนบ้างที่เป็นคีย์แมนในการสร้างอาณาจักรแห่งความสำเร็จ ณ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอกจาก กุน อเกวโร่ ก็ต้อง ดาบิด ซิลบา นี่แหละ 10 ปีที่ผ่านมากับความสำเร็จมากมาย คงไม่ต้องบรรยาสรรพคุณอะไรกันอีก เจ้าตัวประกาศจะย้ายออกจากทีมด้วย แต่เป้าหมายของเค้าอยู่นอกยุโรปนี่สิ

มาริโอ เกิทเซ่
อีกหนึ่งนักเตะของดอร์ทมุนด์ ที่ถือว่าเป็นนักเตะชั้นเยี่ยมก็คือ มาริโอ เกิทเซ่ คนนี้จะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ ฝีเท้าไม่ต้องพูดถึง แต่คำถามอยู่ที่เรื่องความฟิต อาการบาดเจ็บที่รบกวนมาตลอดทำให้เจ้าตัวไปไม่สุดเสียที หากใครอยากจะเสี่ยงกับอาการบาดเจ็บดังกล่าว ก็ลองลุ้น ลองยื่นไปได้ แต่หากไม่นับอาการบาดเจ็บ ต้องบอกว่านี้เป็นของดีที่ไม่ควรพลาดเลย

ดรีส์ เมอร์เทนส์
คนนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแกนของนาโปลีเลย ซีซั่นที่แล้วเค้านี่แหละคีย์แมนหลัก แต่พอมาซีซั่นนี้ฟอร์มกลับไม่เปรี้ยงเท่าเดิม แต่ยังดีอยู่นะ อายุก็ยังไม่เยอะมากแค่ 32 ปีเท่านั้นเอง ใครที่ดูบอลอิตาลีมาตลอดคงคิดเหมือนกัน ตัวนี้นาโปลีไม่ต่อสัญญาได้ไง

คำถามที่มีต่อ เมสซี่ ในเมื่อเลือกอยู่ต่อ

คำถามที่มีต่อ เมสซี่ ในเมื่อเลือกอยู่ต่อ

เชื่อว่าคงเป็นอาการมีความสุข เสียงเฮแบบไม่สุดเสียงเท่าไร สำหรับแฟนบาร์ซาที่พวกเค้ามีแววว่าจะไม่เสียสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ไป จากการเจรจาครั้งล่าสุด ท่าทีของพ่อเมสซี่ที่รับหน้าที่เป็นเอเยนต์ด้วยในตัว จะไม่แข็งกร้าวเท่ากับตอนแรก พร้อมกับอ่อยไว้ว่า พร้อมจะอยู่ต่อไปจนครบสัญญา อย่างไรก็ตามหากเราตั้งสมมุติฐานว่าเมสซี่ไม่ไปมันก็คงจะยังเกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวเค้า ที่รอการพิสูจน์
เมสซี่ กับ คูมัน จะเข้ากันได้หรือไม่
คำถามข้อแรกเป็นเรื่องราวระหว่าง เมสซี่ กับ โรนัลด์ คูมัน ที่ต้องบอกว่าแม้ว่าฝ่ายหลังจะเป็นผู้จัดการทีมตำแหน่งใหญ่กว่า แต่เข้ามาทีหลัง อย่างไรก็ตามแม้จะเพิ่งเข้ามา ยังไม่ทำงานด้วยกันเลย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูจะไม่ดีเท่าไร บวกกับการจัดการเคสของซัวเรสที่คูมัน คงบอกไม่เอาทั้งที่ยังไม่ได้ลงคุมซ้อมเลยด้วยซ้ำ ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วอย่างนี้ เมสซี่ กับคูมันจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ทำงานด้วยกันได้หรือไม่
เมสซี่จะต่อสัญญาหรือไม่
คำถามข้อสอง เชื่อว่าคงเป็นคำถามที่แฟนบอลเฝ้าถามทุกวันจนกว่าจะจบ 1 ปีนี้ให้ได้ นั่นก็คือ เมสซี่จะต่อสัญญาหรือไม่ อย่าลืมว่า แม้จะบอกว่า 1 ปีสุดท้ายตามสัญญา แต่เอาจริงมันเป็นระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้นเอง หากไม่มีข่าวต่อสัญญาหลังจากพ้นเดือนมกราคมไปแล้ว ทุกอย่างน่าจะเป็นการจบสิ้นเรื่องราวทั้งหมดเสียที
เมสซี่จะได้ลงสนามหรือไม่
ข้อสุดท้าย เป็นความต่อเนื่องจากข้อแรกนั่นก็คือ เมสซี่จะได้ลงสนามอีกหรือไม่ อย่าลืมว่าตอนนี้เมสซี่กับ คูมัน ความสัมพันธ์เหมือนเริ่มต้นกันได้ไม่ดีเท่าไร น่าจะทำให้ความต้องการจะเล่นในแผนของคูมันน้อยลงตามไปด้วย หรือ หากคูมันจะทำทีมแบบไม่ใช่เมสซี่จริง(เนื่องจากเรื่องความสัมพันธ์ และ การไม่ต่อสัญญา) มันก็ต้องเอาผลงานมาวัดกันด้วย เป็นคำถามที่แฟนบอลรอคอยเหมือนกัน

ส่องฟอร์มดาวซัลโว บุนเดสลีก้า

ฟอร์มดาวซัลโว บุนเดสลีก้า
ตอนนี้บุนเดสลีก้า กลับมาเตะกันอีกครั้ง แฟนบอลอย่างเราแม้จะไม่ใช่แฟนบอลพันธุ์แท้ของบุนเดสลีก้า ก็ยังต้องติดตามเลย มีให้ดูยังดีกว่าไม่มีนั่นแหละ เรื่องแต้มเรื่องแชมป์ บาเยิร์น มิวนิค คงเข้าป้ายแชมป์แบบหายห่วง ทำให้ลีคดูจืดลงไปเยอะเลย มีอีกเรื่องที่น่าลุ้นก็คือเรื่องดาวซัลโวของลีคตอนนี้ใครเป็นใคร ฟอร์มเป็นอย่างไรกันบ้าง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ดาวยิงที่ขึ้นแท่นนำโด่งมาตอนนี้ก็คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จากค่ายบาเยิร์น มิวนิค คนนี้ต้องบอกว่าขิงแก่ยิ่งเผ็ดมาก ตอนนี้ยังไม่จบฤดูกาลเลย ตอนนี้จัดไปแล้ว 30 ดอกเน้นๆ ยิ่งช่วงหลังลงเล่นเกมไหน ยิงได้ตลอด การกลับมาแบบน่ากลัวมากของเค้าทำให้ บาเยิร์น มิวนิค บินสูงจนปาดหน้าแซงเข้าแชมป์ได้เลย จะยิงซ้าย ขวา โหม่ง เป็นเข้ากรอบหมดเจอแบบนี้กองหลังกับ ผู้รักษาประตูเหนื่อยเลย

ติโม แวร์เนอร์

คนที่ตามมาแบบห่างๆหน่อย ก็คือ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ดาวยิงคนนี้ตอนต้นฤดูกาล มาจนถึงกลางฤดูกาล ฟอร์มดีมาก ฟอร์มแรง เล่นดี ทั้งการเล่นทะลุช่อง จ่ายบอลบนพื้น จนถึงลูกกลางอากาศทำได้หมด จนทำให้ไม่แปลกที่ฟอร์มแรงจนมีหลายทีมอยากได้ แต่พอกลับมาจากโควิท 19 เหมือน แวร์เนอร์ เสียสมาธิไปหมด เล่นอย่างไรก็ไม่เข้าขา ไม่เข้าฝักเหมือนตอนก่อนหน้า ยังดีที่พอยิงกลับมาได้บ้างใน 2-3 เกมหลังสุด แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ 25 ประตูยังห่างจาก โรเบิร์ต อีก 5 ลูก

จากที่มองเกมเหลืออีกไม่เท่าไร น่าจะเป็นสองคนนี้ที่เบียดบี้กันไปจนจบฤดูกาล ส่วนคนอื่นที่ตามมาอย่าง เจดอน ซานโช่( 17 ประตู) รูเวน เฮนนิงส์(14 ประตู) น่าจะห่างเกินไปคงไล่ไม่ทันแล้ว แต่ถ้าหากให้ฟันธงว่าใครได้ ดูทรงแล้ว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น่าจะคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำซีซั่นนี้ไป จนถึงระดับยุโรปน่าจะเป็นเค้าอีกเหมือนกัน

เกมยังดุเดือดไปต่อกันที่ sbobet

เกมเดิมพันที่สุดยอดยังคงเป็นของ sbobet ใครอยากลุ้นอยากได้โบนัสเด็ดๆอย่าลืมมาลุ้นกัน ที่นี่มีทั้ง sbo ทางเข้า sbobet เกมเดิมพันฟุตบอลและแทงบอลออนไลน์รูปแบบต่างๆมากมาย ใครหาที่แทงบอลมาที่นี่เลย