แม้ว่าจะโดนปลดออกไป แต่เชื่อเหอะว่า แฟนบอลเชลซี แม้จะมีหลายคนด่าเรื่องผลการแข่งขันช่วงหลังที่ไม่เป็นใจเท่าไร แต่ไม่มีใครโกรธแฟรงค์ แลมพาร์ดได้ลงหรอก เอาเข้าจริงกลับต้องยกย่องด้วยซ้ำ เค้านี่แหละเป็นผู้กล้าหาญ และเป็นผู้กอบกู้ทีมในเวลาที่ยากลำบาก อะไรเป็นความกล้าหาญที่เราพูดถึง
เข้ามาตอนที่โดนแบนซื้อขาย
การเข้ามาคุมทีมของผู้จัดการทีม เอาจริงสิ่งที่พวกเค้าจะต้องถามก่อนเรื่องเงินเดือน ก็คงจะเป็นเรื่องงบประมาณในการเสริมทีมว่า ทีมได้เตรียมเงินไว้แค่ไหน เพราะมันจะสัมพันธ์กับตัวนักเตะที่เค้าอยากได้ด้วย หากมีเงินซื้อนักเตะ เค้าก็พร้อมเข้าไปทำงาน แต่ว่า แลมพ์ เข้าไปทำงานที่เชลซี ในสภาพที่มีเงินแต่ซื้อไม่ได้ เพราะว่าทีมโดนแบบซื้อขายไป 2 รอบ นั่นเท่ากับว่าเค้าจะต้องใช้นักเตะที่มีบวกกับ นักเตะดาวรุ่งเท่านั้น ซึ่งมันยากมากในการเริ่มต้นคุมทีมใหม่กับสถานการณ์อย่างนี้
ทำทีมแบบนักเตะไม่ครบทีม
ทีนี้มองไปที่นักเตะชุดใหญ่ ของทีมเค้าก็ได้ทีมที่ไม่สมประกอบเลย สำคัญสุดคงเป็นเรื่องสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง เอแดง อาซาร์ เพิ่งจะถูกขายให้กับรีล มาดริดไป นั่นเท่ากับว่า เค้าะต้องทำทีมแบบสร้างศูนย์กลางของทีมขึ้นมาใหม่เลย ไหนจะรวมกับสถานการณ์ที่บอกไปย่อหน้าแรก เจอโจทย์แบบนี้เข้าไป คงไม่มีใครอยากมาทำทีม เพราะผลงานทีมคงไปได้ไม่ไกลจนตัวเองเสียเครดิต แต่แฟรงค์ กล้า
ต่อสู้กับการเมืองภายใน
ยังไม่หมด การทำทีมของแลมพ์ แน่นอนว่าผู้จัดการทีมทุกคนในโลกใบนี้ต้องเจอกับ การเมืองที่มาจากบอร์ดบริหารของทีม จนส่งผลต่อการทำงานของเค้า ซึ่งแลมพ์เองก็เจอ แถมเจอตั้งแต่ยกแรกด้วยซ้ำ มีข่าวลือว่า ในสถานการณ์หลังปลด ซาร์รี่ออกไป เชลซี ติดต่อผู้จัดการทีมไปหลายคน แต่ไม่มีใครอยากมา เหลือแต่แลมพ์ที่ไม่ปฏิเสธ (แต่บอร์ดไม่อยากได้ แต่ก็ต้องเอาเพราะว่าไม่มีตัวเลือกอื่น) นั่นทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ถูกบอร์ดตั้งอคติไว้แต่แรก รวมถึงเป็นเพียงแค่คนรอ ก่อนจะไปหาคนที่ดีกว่าเท่านั้น แลมพ์ เองก็รู้สถานะตัวเองดี แต่ก็กล้าลงมาทำทีม แล้วแบบนี้เราจะไม่ชื่นชมความกล้าของเค้าได้อย่างไร